Tuesday, April 26, 2011

เคล็ดลับที่น่ารู้ Samsung Galaxy Tab secret code

Samsung Galaxy Tab secret code:

*#06# (Display IMEI number)
*#1234# (Display current firmware)
*#*#4636#*#* (Diagnostic and general settings mode)
*#*#7780#*#* (Factory soft reset)
or *#7780#
*2767*3855# (Factory hard reset to ROM firmware default settings)
*2767*4387264636# (To display product code)
*#272*imei#* (Display/change CSC code)
or *#272*HHMM#*
*#*#1472365#*#* (GPS test settings)
*#*#197328640#*#* (Service mode main menu)
*#12580*369# (SW & HW Info)
*#0228# (ADC Reading)
*#32489# (Ciphering Info)
*#232337# (Bluetooth Address)
*#232331# (Bluetooth Test Mode)
*#232338# (WLAN MAC Address)
*#232339# (WLAN Test Mode)
*#0842# (Vibra Motor Test Mode)
*#0782# (Real Time Clock Test)
*#0673# (Audio Test Mode)
*#0*# (General Test Mode)
*#2263# (RF Band Selection)
*#9090# (Diagnostic ConfiguratioN)
*#7284# (USB I2C Mode Control)
*#872564# (USB Logging Control)
*#4238378# (GCF Configuration)
*#0283# (Audio Loopback Control)
*#1575# (GPS Control Menu)
*#3214789650# (LBS Test Mode)
*#745# (RIL Dump Menu)
*#746# (Debug Dump Menu)
*#9900# (System Dump Mode)
*#44336# (Sofware Version Info)
*#0289# (Melody Test Mode)
*#2663# (TSP / TSK firmware update)
*#03# (NAND Flash S/N)
*#0589# (Light Sensor Test Mode)
*#0588# (Proximity Sensor Test Mode)
*#273283*255*3282*# (Data Create Menu)
*#273283*255*663282*# (Data Create SD Card)
*#3282*727336*# (Data Usage Status)
*#7594# (Remap Shutdown to End Call TSK)
*#34971539# (Camera Firmware Update)
*#526# (WLAN Engineering Mode)
*#528# (WLAN Engineering Mode)
*#7412365# (Camera Firmware Menu)
or *#*#34971539#*#*
*#80# (Unknown)
*#07# (Test History)
*#3214789# (GCF Mode Status)
*#272886# (Auto Answer Selection)
*#8736364# (OTA Update Menu)
*#301279# (HSDPA/HSUPA Control Menu)
*#7353# (Quick Test Menu)
*2767*4387264636# (Sellout SMS / PCODE view)
*#7465625# (View Phone Lock Status)
*7465625*638*# (Configure Network Lock MCC/MNC)
#7465625*638*# (Insert Network Lock Keycode)
*7465625*782*# (Configure Network Lock NSP)
#7465625*782*# (Insert Partitial Network Lock Keycode)
*7465625*77*# (Insert Network Lock Keycode SP)
#7465625*77*# (Insert Operator Lock Keycode)
*7465625*27*# (Insert Network Lock Keycode NSP/CP)
#7465625*27*# (Insert Content Provider Keycode)
น่าจะนำไปใช้ประโยชน์ได้นะครับ

Saturday, April 16, 2011

คำถามเกี่ยวกับการทำ lag fix

1.จะต้องเริมทำยังไงครับ
    ขั้นแรกเครื่องเราต้องได้รับการ root ก่อน
แล้วจะroot  ยังไง
    การroot ทำได้หลายวิธี ที่ทำกันคือการใช้โปรแกรมเรื่องชื่อ ที่ชื่อว่า z4root หาได้จาก googleครับ
หรือจาก http://www.filecrop.com หากเป็น android version2.1 จะสามารถใช้ได้แต่หากเป็น 2.2 แล้วจะไม่มสามารถใช้ได้ครับ ต้องใช้ นี่เลย super one click หาได้จากเวปเดิมแต่ว่าโปรแกรมนี้ต้องrun บน เครือง PC เราก่อน
ส่วนz4root เป็นapplication ทำบนเครื่องเลยครับ ให้เลือกเป็นpermanent นะครับ หากตอนหลังจะ unroot ก็ทำได้ครับ


สำหรับ super one click ถ้าใช้samsung ให้ติดตั้ง kies ก่อนแล้วconnect android กับคอมก็สามารถถ่ายโอนข้อมูลกะคอมต่างๆได้  จากนั้นให้ไปที่ Settings > Applications > Development
  
enable USB Debugging  จะทำให้เครื่องไม่สามารถติดต่อกะkies ได้ ให้ run super one click แล้วเลือแทบ ที่เขียนว่า root ซักพักจะมีการrun ไปเรื่อยๆ ในที่สุดก้จะบอกให้เราไป เปิด superuserซึ่งเป็นapplication ที่เครื่องเราก็เป็นอันเสร็จ เพื่อความสบายใจก็rebootใหม่ซะครั้งนึง

จากนั้นใช้โปรแกรม OCLF ของผมใช้(ssgt) ver2.2.8  ติดต้งแล้วให้ทำ ext2tools ก่อนก็จะมีสีเขียวๆขึ้น

ที่ One Click Lag FIX V.2.2+ จากนั้น คลิกมันจะให้กิหนด กำหนด size ตั่งแต่800-1200 แต่ที่แนะนำของโปรแกรมคือให้เลือกกลางแถบที่ให้ปรับครับ จากนั้น ก็fire up มันก็จะไปเรื่อยๆ ครับแต่ว่าหากมีการติดขัด error มีข้อความว่า
OneClickLagFix V2.2+ failed with error: Could not mount loopback device /dev/loop0! mount: Device or resource busy
แสดงว่าคุณต้องไปย้ายapplication จากsd cardไปที่ เครื่องก่อนโดยไปที่settings->applications->manage applications->sd card tab ให้ย้ายทุกแอปไปที่ phone อันไหนย้ายไม่ได้ก็ช่างมัน คราวนี้คุณอย่าลืมว่า application ที่ถูกย้ายไปก็จะทำให้แมมน้อยลงถ้าหากrun OCLF แล้ว ไม่มี OneClickLagFix V2.2+เขียวขึ้นก็แสดงว่าพื้นที่ไม่พอให้ไป uninsall  app ออกบ้างจนกว่าจะเขียว



พอกด lag แล้วเครื่องจะทำงานและ reboot เองอัตโนมัติ ซึ่งรอบนี้จะกินเวลาตอน start นานมาก ๆ ไม่ต้องตกใจ เพราะต้องทำกระบวนการย้ายข้อมูลต่าง ๆ ด้วย
- จากนั้นตั้ง change scheduler เป็น deadline
- จากนั้นตั้ง alter minfree เป็น strict หรือ optimum ก็ได้
ทุกอย่างมันทำ อัตโนมัติทั้งหมด
 แล้วreboot อีกสักครั้ง  ครับ เป็นอันเสร็จ
แล้วจะรู้ได้ไงว่าเครื่องเร็วขึ้น
  อันนี้ก็ต้องลองสัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลง
สองใช้โปรแกรม quadrant ช่วยครับ คือลองทดสอบก่อน ทำ lag fix และหลังทำ ของผมก่อนทำได้ 948 หลังทำได้ 2112 แรงไปเลยครับ

หวังว่าเพื่อนๆคงหนุกหนานกับการทำlagfixนะครับบบบ

Friday, April 15, 2011

รวมกลเม็ด samsung galaxy tab

Trick เล็ก ๆ ครับ
สำหรับคนที่เครื่องมีปัญหาอยาก เอา screen shot เข้ามาโพส เพื่อสอบถาม หรือ ต้องการจะ เอา screen shot โปรแกรม ต่าง ๆ หรือ เกมไหม่ ๆ มาแนะนำนั้น Galaxy tab มี short cut เพื่อไช้ Capture
Screen shot ครับ แค่กด ปุ่มย้อนกลับ(ข้าง ๆ ปุ่ม seacrh รูปแว่นขยาย) + ปุ่ม Power On/Off(Lock/Unlock) ถ้าสำเร็จ มันก้อจะบอกบนหน้าจอเรยครับ ว่า Capture Screenshot เรียบร้อย แล้วมันจะสร้าง
Folder เกบไฟล์ ชื่อ ScreenCapture ไห้อัตโนมัติด้วยครับ

ส่วน คนที่ต้องการ ReBoot เครื่องนั้น ไม่จำเปนต้อง กด ปิดแล้วเปิดไหม่ครับ เพราะมี Short cut สำหรับไห้เครื่อง Reboot ครับ คือกด ตรงกลางของปุ่ม ปรับเสียง กะ Power On/Off(Lock/Unlock) ค้างไว้แปปนึงครับ เครื่องจะ Reboot อัตโนมัติ

Factory Reset ให้กดปุ่มลดเสียง+กด power
กดปุ่มพาวเวอร์ค้างไว้ครับประมาณ 8 วินาทีครับเป็นการปิดเครื่อง

 การตรวจสอบเครื่องเวลาไปเลือกซื้อจะทำไงได้บ้าง ผมแนะนำให้ทำตามนี้ครับ ให้ไปที่การโทรเข้าออกที่มีคีย์ตัวเลข โทรเข้าออก แล้วกด *#0*# จากนั้นเครื่องจะโชวทุกอย่างเราก็ตรวจสอบตามนั้นครับ

การ root android คืออะไร ทำไงต้องทำไงบ้าง

การrootคืออะไรครับ


การ Root คืออะไร??

Root นั้นเป็นศัพท์ที่ได้มาจาก Linux ซึ่งหมายถึงผู้ใช้ที่มีอำนาจสูงสุด ส่วนใน Windows นั้นเรียกว่า Administrator ดังนั้นการ Root จะทำให้เจ้าของมือถือสามารถใช้มือถือได้เต็มความสามารถ อย่างเช่นการสามารถเปลี่ยนไปใช้ ROM ที่ได้รับการปรับปรุง เป็นต้น
!!! การ Root นั้นไม่ใช้เป็นการลง ROM ตัวอื่น โดยที่การ Root นั้นจะใช้เวลานิดหน่อยในการทำ และข้อมูลในเครื่องยังจะคงอยู่ !!!
โดยทั่วไปเราสามารถหาวิธี Root ได้โดยหาใน เพียงแค่พิมพ์หาใน ว่า ชื่อรุ่นมือถือ+root แค่นั้น โดยทั่วไปผู้ผลิตมือถือจะไม่อนุญาตให้ทำการ Root เพราะเนื่องจากกระบวนการทำนั้น ต้องอาศัยจุดโหว่ซึ่งทำให้ผู้ใช้เรียกโปรแกรมพิเศษเรียกว่า SU ทำให้ผู้ใช้สามารถเรียกใช้อำนาจ Root ได้
!!! การ Root นั้นมีความเสี่ยงที่จะทำให้เครื่องเปิดไม่ขึ้น ดังนั้นควรศึกษาข้อมูลก่อนทำการ Root !!! 

ประโยชน์ที่ได้จากการ Root

สามารถใช้ Android ได้อย่างเต็มความสามารถ

หลังจาก Root แล้ว เราสามารถแก้ไขไฟล์ของระบบ เปลี่ยนธีม ลบโปรแกรมที่ติดมาพร้อมกับเครื่อง เช่น Footprints หรือ โทรด้วยเสียง เป็นต้น
สามารถสำรองข้อมูลได้ทั้งหมด
มือถือที่ทำการ Root แล้วนั้น ปกติสามารถสำรองข้อมูลของระบบได้ทั้งหมด เหมือนการ Image ไฟล์บนคอมพิวเตอร์ วิธีนี้เหมาะสำหรับการที่ลอง ROM ใหม่ๆ เมื่อใช้งานเสร็จก็สามารถดึง Image ที่ทำการสำรองไว้มาใช้ได้เหมือนเดิม
วิธีที่ง่ายสุดที่จะทำการสำรองข้อมูลของเครื่องนั้น สามารถทำผ่านโปรแกรม Rom Manager (หาได้จาก ) ซึ่งพัฒนาโดยคุณ Koush

สามารถประหยัดพื้นที่ได้

ย้ายข้อมูลลง SD Card

การย้าย จะทำให้เครื่องนั้นเร็วขึ้น เมื่อทำการ Root แล้วจะสามารถย้าย Cache ลงไปใน SD Card โดยวิธีทำนั้นก็ไม่ยากเกินไปสามารถทำตามขั้นตอนนี้

ย้ายโปรแกรมที่ลงแล้วไปใน SD Card

โดยทั่วไปแล้ว ถ้าลงโปรแกรมไปในเครื่องมากๆ จะทำให้เครื่องช้าได้ แต่เมื่อ Root แล้วก็จะสามารถย้ายลง SD Card ได้ วิธีที่ง่ายที่สุดในการย้ายโปรแกรมลง SD Card นั้น สามารถใช้โปรแกรม Apps2SD

สามารถลงโปรแกรมพิเศษได้

Android-WiFi-Tether หรือ Barnacle Wifi-Tethering 
ทั้งสองโปรแกรมเป็นโปรแกรมที่จะทำให้โทรศัพท์ของคุณเป็น Access point เพื่อทำให้อุปกรณ์อื่นสามารถใช้ Internet ได้

Super User

ไว้สำหรับอนุญาตให้โปรแกรมไหนใช้สิทธิ Root ได้

Move Cache for Root

สำหรับย้าย Cache ต่างๆ ลงใน SD Card
สามารถลง ROM ที่ทำการดัดแปลงได้
ROM ที่ทำการแก้ไขนั้น เป็นสิ่งที่ปรับปรุงมาจาก ROM มาตรฐาน ซึ่งปรับในหลายๆ ส่วนขึ้นอยู่กับรุ่น โดย ROM บางรุ่นอาจจะมีการนำ ROM มาจากรุ่นอื่นเพื่อปรับปรุงให้ใช้ในอีกรุ่นได้
(ส่วนนี้ไม่มีในต้นฉบับนะครับ)
ทั้งหมดนี้ อาจจะเป็นเพียงข้อดีเพียงส่วนหนึ่ง แต่ก็ยังมีข้อเสียอยู่ จะทำ Root ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณส่วนบุคคลนะครับ ศึกษาข้อมูลก่อนทำด้วย ส่วนใหญ่เมื่อ Root แล้วจะทำให้เครื่องหมดประกันทันที
ที่มา : androidpolice.com

แล้วจะroot ทำไงละครับ
ง่ายๆครับโดยใช้โปรแกรม z4root  loadได้จาก
http://www.filecrop.com/search.php?w=z4root&size_i=0&size_f=100000000&engine_r=1&engine_m=1&engine_h=1
มันจะมีให้เลือก temporary root เวลาroot แล้ว หาก reboot แล้วจะกลับเป็น unroot ซึงก็ไม่สามารถใช้โปรแกรมที่เราต้องการใช้ได้ ส่วน permanent root ก็ปิดเครื่องเปิดใหม่ก็ root ให้เหมือนเดิม หากต้องการ unroot ก็เข้าโปรแกมเดิมครับมันจะมีให้ unroot ง่ายมาก ดังนั้นถ้าจะทำ lagfix ก็ให้ใช้ root แบบ permanent

แก้ปัญหา lag ของ android

ไปเจอบทความนึงดีมากเลยนำมาฝากกันครับ

วิธีการ ROOT และ Lag Fix เครื่อง Galaxy S (GT-i9000) โดยใช้โปรแกรม One Click Lag Fix (OCLF)

คำเตือน การ ROOT เครื่อง อาจจะทำให้เครื่องของท่านเสียและหมดประกันได้ ดังนั้นโปรดกระทำด้วยความระมัดระวังและอ่านให้ละเอียดก่อนทำ เพราะโทรศัพท์หรืออุปกรณ์ของท่านเสียหายเนื่องมาจากการกระทำตามขั้นตอนที่ผม จะกล่าวไปต่อไปนี้ก็เป็นได้

ก่อนอื่นขอบอกก่อนนะครับว่าเป็นมือใหม่หัดใช้ Android ตอนแรกกะว่าจะใช้ Galaxy S แบบไม่ Root แล้วรออัพ Firmware เป็น 2.2 ของศูนย์เอา แต่พอใช้ได้สักสองอาทิตย์ ลง Apps เยอะไปหน่อย (เกือบจะเต็มเจ็ดหน้าละ) เลยทำให้บางครั้งก็ค่อนข้างช้า ไม่ทันใจเอาซะเลย ก็เลยลองหาข้อมูลเกี่ยวกับการ Root หรือ Lag Fix แต่จะอัพเป็น 2.2 หรือไม่ ขอพิจารณาดูก่อนครับ เสียว ๆ เหมือนกัน

ตอนแรกผมก็อ่านตามกระทู้ต่าง ๆ ทั้งใน Pantip, Droidsans, PDAMobiz และที่อื่น ๆ ตั้งหลายที่ แต่ก็ยังงง ๆ รวมถึงเผอิญไม่ได้เอาสาย USB และ Card Reader จากที่ทำงานด้วยทำให้ไม่สามารถทำสองวิธีนี้ได้
1. Root ผ่านทางสาย USB
2. Root ผ่านทาง SD Card

ก็เลยลองหาวิธีอื่น ไปเห็นโปรแกรม RyanZa's OCLF 2.0 ใน Market เลยลองดาวน์โหลดมาดู กะว่าจะดาวน์โหลดมาอ่านดูก่อนว่าทำอะไรได้บ้าง

แต่พอโหลดมาแล้ว เปิดโปรแกรมมา ปรากฎว่าทางโปรแกรมขึ้นมาว่าสามารถรูท (Root) ได้เลย ตอนแรกก็สองจิตสองใจอยู่ว่าจะเอาอย่างไรดี กลัวเดี๋ยวน้อง SSGS เราจะเป็นที่ทับกระดาษไป แต่ก็คิดว่าไม่ลองไม่รู้ก็เลยลอง Root ดู โดยมีขั้นตอนคร่าว ๆ ดังนี้

1. เลือกเมนู Root Device Recovery 2e (เมนูที่เราเลือกได้จะเป็นสีเขียว ๆ และเขียนไว้ว่า Available)
2. จากนั้นเครื่องก็จะทำการ Root ให้เรา และบอกให้เรา Restart เครื่องเข้า Recovery Mode เราก็กดปุ่มดังต่อไปนี้
- ปิดเครื่อง
- กดปุ่ม Volume + (ด้านบนซ้าย) และปุ่ม Home (ตรงกลางด้านล่าง) ค้างเอาไว้
- กดปุ่ม Power
- พอขึ้นหน้าจอซัมซุงขึ้นมา ก็ให้ปล่อยปุ่ม Power แต่กดอีกสองปุ่มค้างไว้ก่อน
- พอขึ้นหน้าจอที่เป็นตัวอักษรเล็ก ๆ มีรูปหุ่นแอนดรอยด์อยู่ตรงกลางก็เป็นอันว่าเข้าโหมด recovery ได้สำเร็จ
- ใช้ปุ่มปรับ Volume เลื่อนลงมาที่ apply sdcard:update.zip แล้วกดปุ่ม Home แล้วรอสักพัก หากขึ้น Completed ก็แสดงว่าการ Root เสร็จสิ้น เครื่องก็จะ Boot ใหม่
3. หลังจากเครื่องอยู่ในสภาพที่ถูก Root แล้ว ต่อไปสำหรับท่านที่ต้องการจะ Lag Fix ก็ให้เลือกดังต่อไปนี้
- Install EXT2 Tools อันนี้จะใช้เวลาสักพักนึง หลังจากที่เสร็จแล้วก็เหลือตัวสุดท้ายก็คือ
- OneClickLagFix V2.2+ หลังจากเลือกไปทางโปรแกรมก็จะสอบถามเกี่ยวกับขนาดพื้นที่ที่เราต้องการ ทางโปรแกรมก็บอกว่าหากปล่อยไว้แถว ๆ ตรงกลาง ก็ไม่มีปัญหาอะไร สำหรับผม ผมเลือกอยู่ที่ประมาณ 1000 กว่านิด ๆ น่ะครับ

หากเสร็จแล้ว เครื่องก็จะทำการ Reboot ให้ ก็ให้เรารอจนกว่าเครื่องจะบูทให้เราเสร็จ ก็เป็นอันสิ้นสุดการ Root และ LagFix

ข้อดี
- ไม่จำเป็นต้องใช้ PC ในการ Root และ Lag Fix
- ใช้งานง่าย คลิ๊กเดียวสมชื่อ


ข้อเสีย
- ตอนนี้ยังคิดไม่ออก ^_^
อันนี้เป็นเจ้าของบทความ
http://androidphonethailand.blogspot.com/2010/11/root-lag-fix-galaxy-s-gt-i9000-one.html

อันนีเป็นlink ที่หาโหลดครับ
http://www.filecrop.com/search.php?w=OCLF+2.0&size_i=0&size_f=100000000&engine_r=1&engine_m=1&engine_h=1