Wednesday, January 26, 2011

อกหักทำอย่างไรดี

วิธีทำให้หายจากอาการที่เรียกว่า Broken Heart (อกหัก) ทำได้ดังต่อไปนี้

1. ให้หมกตัวอยู่แต่ในห้อง ไม่ต้องออกไปไหน ห้ามพบปะผู้คน

2. ฟังเพลง ดูหนัง อ่านหนังสือที่ช่วยเพิ่มความเจ็บปวดให้ได้มากที่สุด

3. โทรไปหาเพื่อนที่ไม่ประสงค์ดี ให้มันสมน้ำหน้า เอาที่ปากจัดๆ หน่อยจะดีมาก

4. อดข้าว อดน้ำ แต่..ต้องอาบน้ำนะ มันสกปรก!

5. ร้องไห้ฟูมฟาย ร้องเยอะๆ ร้องหนักๆ ร้องดังๆ ก็ได้ ถ้าไม่กลัวโดนจับส่งโรงบาลบ้า

ให้ทำทั้ง 5 ข้อนี้อย่างเคร่งครัดเป็นเวลาอย่างน้อย 5 วัน

ผลการทดลองจากกลุ่มตัวอย่างที่มีอาการอกหัก สถาบัน WHO พบว่า กลุ่มตัวอย่างจะสามารถปฏิบัติทั้ง 5 ข้อได้แค่เวลาเพียง 2 วัน เนื่องจาก หิว และเหนื่อย สถาบัน WHO ได้ค้นพบว่าบุคคลที่มีอาการอกหัก มักจะพยายามปลอบใจตัวเอง พยายามหลีกเหลี่ยงอาการเศร้าซึม พยายามร่าเริง พยายามข่มความเจ็บปวด พยายามที่จะลืม แต่ก็มักจะพบว่าสิ่งที่พยายามส่วนใหญ่จะล้มเหลว

วิธีทั้ง 5 ข้อนี้เป็นวิธีที่เรียกว่า "ปฏิบัติการเจ็บสุดติ่ง" คือ ทำให้เจ็บและเศร้าให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ อยู่กับความเจ็บให้นานที่สุด แล้วสุดท้ายเราจะพบว่า..."แล้วตรูจะมานั่งเสียใจทำไมวะ เหนื่อยชิบ" แล้วตรูจะหายไมว้าเนี่ยย

ความเห็นนี้โดนคือตอนนี้กะลังเป็นอยู่คงต้องclear ครับ
ลองอ่านบทความนี้ดูแล้วคุณจะทำใจได้ง่ายขึ้น

แต่พอเมื่อคุณ รู้สึกรัก รู้สึกผูกพัน คนประเภทนี้ก็จะหยุดดำเนินความสัมพันธ์ใดใดทั้งสิ้นแล้วปล่อยให้คุณวิ่งตาม (คนพวกนี้จะชั้นเชิงดีค่ะ รู้จักหยั่งเชิงว่าคุณจะเรียกหาเขาเวลาไหน และยอมอ่อนข้อให้คุณเวลาใด)
แล้วเมื่อคุณวิ่งตามไปสักระยะ เขาจะหยุดให้น้ำเลี้ยงคุณด้วยคำว่า"เขายังเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนไป "แต่ขัดกับที่ท่าที่ห่างเหินไปของเขา และคุณจะได้คำว่า "เขารู้สึกอึดอัดที่คุณกำลังจะผูกมัดเขามากไป" (ช่วงนี้คุณจะรู้สึกมึน ๆ งง ๆ ค่ะ เหมือนกลับมามีความหวังว่าคุณคิดมากไปเอง แต่จริง ๆ แล้ว เขากำลังจะตีห่างคุณค่ะ )
จากนั้นบทสรุป สุดท้าย คุณก็จะเริ่มทุกข์ทรมาน เพราะไม่ รู้ว่าคุณจะอยู่สถานะไหน แล้วต้องวางตัวอย่างไรให้ถูกใจเขา ให้เขากลับมาเหมือนเดิม และคุณก็จะทนไม่ ไหว ถามเขาว่าระหว่างคุณกับเขาคืออะไร
ทั้ง หมดนี่คือ เกมค่ะ คือเงื่อนไขที่คนประเภทหนึ่งชอบกระทำ คนพวกนี้ภายนอกจะดูอบอุ่น ดูน่าไว้วางใจ แต่แท้จริง คนพวกนี้ เป็นได้แค่คนเห็นแก่ตัว ที่คำพูดกับการกระทำขัดแย้งกันตลอดเวลา สร้างภาพสวยงาม ที่ย้อมไว้ด้วยปริศนาความไม่ จริงใจค่ะ


ลองเป็นคนตาบอด ดูสักวัน
เดินไปเรื่อย ๆ มองไม่เห็นอะไรเลยข้างหน้า
เหมือนที่ศุราณีเคยแนะนำ
พอลืมตาขึ้นมา
จะพบว่าโลกที่สวยงามข้างหน้ายังรออยู่
อย่าจมอยู่กับอดีตเลยคะ

เพื่อนสนิทของเรานี่แหละค่ะ
ใช้(พวก)มันให้เป็นประโยชน์
ให้มันปลอบเราบ้าง ขู่เราบ้าง
เชื่อบ้าง ไม่ต้องเชื่อบ้างก็ยังได้
แต่การมีเพื่อนสนิทดี ๆ ที่คอยแนะนำสิ่งดี ๆ ให้เรา
ในช่วงเวลาที่อ่อนแอ เป็นบ้าเป็นบออย่างนี้
เป็นสิ่งที่ดีมากเลยนะ
ลองดูค่ะ


จีบข้าพเจ้าไปพรางๆก่อนก็ได้นะคะ  คุณสมบัติดังนี้
   1. เพศหญิง
   2. อายุ 22 ปี
   3. หนัก 54 กิโลกรรม
   4. สูง  170 เซนติเมตร
   5. การศึกษาปริญญาตรี
   6. นิสัยร่าเริง คุยเก่ง(มากๆ)
   7. หน้าตาไปวัดได้หมาไม่เห่าด้วยแต่หอนอย่างเดียว(ล้อเล่น)
   8. อาชีพพนักงานบริษัท

อืม.... ไม่รู้จะช่วยปลอบ ช่วยแนะยังไงดี?
ขอให้รักพ่อรักแม่ และรักตัวเองมากๆเข้าไว้เป็นดีที่สุดค่ะ

แต่ถ้ายังไม่ดีขึ้น ก้อขอให้คิดว่า...ชั้นสวย ชั้นเริ่ด  เชิ่ดๆเอาไว้นะคะ :)

....ยังไม่ดีขึ้นอีกหรือ?

..... ไปซื้อหนังสือคู่มือคนใจเซาะมาอ่านซะนะ "ทิ้งผู้ชายง่ายนิดเดียว"
จะรักอยู่ จะเลิกแล้ว .... ถ้าได้อ่าน ก้อมีแรงขึ้นมาเองหล่ะคะ

(ยังไม่ได้ซื้อเลย แอบอ่านไปหน่อยเดียว รองานหนังสือฯก่อน...เสร็จชั้นแน่ๆ)


ไม่ต้องรีบค่ะ เวลาจะทำให้คุณลืมไปเอง อย่าไปพยายามฝืนมัน ยิ่งฝืนมันก็ยิ่งนึกนะ หาอะไรทำให้มันยุ่งๆ ดีกว่า ตอนนี้เป็นเวลาที่คุณจะเห็นว่านอกจากความรักที่จบลงไปแล้ว โลกนี้ยังมีอะไรอีกมากมายที่ช่วงหนึ่งคุณได้หลงลืมมันไป เราก็เคยผ่านช่วงนั้นมาแล้ว เผ็นหนักอยู่เป็นปีๆ ตอนนั้นนี่แย่มากๆ หลังจากลบน้ำตาออกไปก็ได้กลับมาเป็นมิตรภาพจากเพื่อนเก่าที่แทบไม่ได้ติดต่อกันมาหลายปีมากๆๆ ตอนนี้ก็ยังสนิทกันอยู่ แล้วก็ความรัก ความเป็นห่วงที่ครอบครัวมีให้

พูดก็พูดเหอะ ตอนนี้มีแฟนใหม่แล้วก็ยังมีคิดถึงแฟนเก่าบ้าง เพราะเลิกคุยเลิกเป็นเพื่อนกันหลังจากที่เคยสนิทกันมาก ตอนนั้นเพราะเราทำใจไม่ได้เองแหละ แต่ไม่ได้คิดในแง่อะไรนะ มันแค่แว้บๆ เข้ามาในความทรงจำบ้าง คิดว่าไม่น่าจะผิดต่อแฟนใหม่นะ

Life goes on!!!


ของผม ปีเศษๆ ผ่านไป
ยังไม่หายสนิทเหมือนกันครับ
วันดีคืนดีมันก็จะแปล๊บๆ ขึ้นมาบ้าง
พอให้นอนผวาเล่นซักคืนสองคืน

แนะนำให้หันเข้าหาศาสนาครับ
พุทธธรรม และแนวการปฏิบัติของเซน
เป็นยารักษาแผล และฟื้นฟูจิตใจขนานเอกของผมเลย
โดยเฉพาะบท "แผ่เมตตา" ผมใช้ทุกครั้งที่อาการกำเริบ
ช่วยลดความปวดแสบปวดร้อน เจียนอยู่เจียนตาย ที่เป็นอยู่
ได้อย่างชงัดนัก

จากนั้นก็ค่อยบรรเทาอาการข้างเคียงทั้งหลาย
ด้วยการเลือกเพลงดีๆ มาฟัง หนังสือดีๆ มาอ่าน
หรือภาพยนต์ดีๆ มาชม
ออกไปท่องเที่ยวในสถานที่ดีๆ เมื่อมีโอกาส
เน้นว่าต้องเลือกที่ดีๆ เท่านั้นนะครับ

และที่เราไม่ควรลืม คือ ครอบครัว และเพื่อนๆ
ที่พร้อมจะรับฟังความทุกข์ในใจที่เรามีอยู่เสมอ
พวกเขาเป็นนักจิตภาพบำบัดชั้นเยี่ยม
ที่จะช่วยเราฟื้นฟูจิตใจได้ดีขึ้น เร็วขึ้น

เอาใจช่วยครับ

1.ลุกขึ้นมาทำตัวให้ดูดีที่สุด ทำตัวให้หล่อ ให้สวย โดยเฉพาะผู้หญิงที่ต้องการลดน้ำหนักถือโอกาสช่วงนี้เลยคะ เพราะมันจะกินไรไม่ค่อยลงอยู่แล้ว ทำให้ตัวเราดูดีเพื่อตัวเรานะคะ
2.อย่าอยู่คนเดียวพยายามอยู่กับเพื่อน กับคุณแม่ก็ได้คะ จะสบายใจขึ้น
3ให้กิจกรรมทำกับเพื่อน เช่น เที่ยว ช๊อปปิ้ง
4.เมื่อคุณพร้อม หัวใจคุณแข็งแรงขึ้น ตัวเองดูดีกว่าตอนอกหักมากๆ อีกไม่นานคนที่ใช่จะเข้ามาเองคะ
ปล.คนที่มันทิ้งคุณไป มันจะรู้สึกเสียดายคุณมากๆ ที่เปลี่ยนตัวเองได้ดูดีขึ้นขนาดนี้ แถมมีหนุ่มใหม่ สาวใหม่ควงแล้วไม่สนของเก่าหรอก เชอะ...สู้ๆนะคะ เป็นกำลังใจให้(จากประสบการณ์ตรง^^)

แผลกดทับดูแลยังไงคับ

สำหรับผู้ที่มีผู้ป่วยที่เป็นแผลกดทับการเข้าใจเรื่องแผลกดทับจะทำให้สามารถให้การรักษาที่ถูกต้อง
แผลกดทับเป็นภาวะที่พบได้บ่อยในผู้ป่วยที่มีปัญหาเรื่องการเคลื่อนไหว ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เอง ผิวหนังถูกกดทับเป็นเวลานานอย่างต่อเนื่อง ทำให้เลือดไม่สามารถไหลเวียนไปเลี้ยงผิวหนังที่ถูกกดทับได้อย่างสะดวก ส่งผลให้ผิวหนังมีลักษณะเป็นรอยแดงและมีการแตกทำลายของผิวหนัง ถ้าไม่ได้รับการป้องกันดูแลตั้งแต่ระยะเริ่มแรกก็จะส่งผลให้เกิดแผลกดทับตามมาได้ ซึ่งการเกิดแผลกดทับจะส่งผลให้ผู้ป่วยทุกข์ทรมาน จากการรักษาที่ยุ่งยาก เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น และส่งผลกระทบต่อทางด้านจิตใจของผู้ป่วยด้วย
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดแผลกดทับเกิดได้จาก 2 ปัจจัยคือ
1. ปัจจัยภายใน
  • สภาพอายุที่มากขึ้นชั้นไขมันใต้ผิวหนังบางลง ผิวหนังเปราะบาง ฉีกขาดได้ง่าย
  • ผู้ป่วยที่บกพร่องในการเคลื่อนย้าย เช่นผู้ป่วยอัมพาต
  • ผู้ป่วยอ้วนเนื้อเยื่อชั้นไขมันมากทำให้เลือดไหลเวียนไม่ดี
  • ผู้ป่วยผอมทำให้เกิดแรงกดของเนื้อเยื่อบริเวณปุ่มกระดูกมากขึ้น
  • การขาดสารอาหารโดยเฉพาะโปรตีน
  • ภาวะโรคเดิมของผู้ป่วย เช่น เบาหวาน ไตวาย มะเร็ง เป็นต้น
2. ปัจจัยภายนอก
  • แรงกดจะขัดขวางออกซิเจนและสารอาหารไปเลี้ยงเนื้อเยื่อ ถ้าผู้ป่วยไม่มีการเคลื่อนไหวจะมีผลให้เนื้อเยื่อขาดเลือดไปเลี้ยงโดยเฉพาะบริเวณปุ่มกระดูกต่างๆ จะเกิดแรงกดมากขึ้น
  • แรงเลื่อนไหลหรือแรงเฉือน เป็นแรงที่ผู้ป่วยนั่งหรือนอน เลื่อนไหลตามแรงโน้มถ่วงของโลก ทำให้การไหลเวียนของเลือดบริเวณนั้นเสียไป
  • แรงเสียดทานเป็นแรงที่เกิดจากผู้ป่วยสัมผัสกับพื้นผิวด้านนอกเกิดการถลอกของผิวหนัง เช่นการเลื่อนผู้ป่วย โดยการดึงลากทำให้ผิวหนังถลอกเป็นแผล
  • ความเปียกชื้นของเหงื่อ ปัสสาวะ อุจจาระทำให้ผิวหนังเปื่อยได้ง่าย
การป้องกันและการดูแลแผลกดทับ
การจัดท่านอน
  • ควรเปลี่ยนท่านอนอย่างน้อยทุก 2 ชั่วโมง เพื่อให้ส่วนใดส่วนหนึ่งไม่รับแรงกดนานเกินไป ถ้าเปลี่ยนท่านอนแล้วรอยแดงบริเวณผิวหนังไม่หายภายใน 30 นาทีอาจจะพิจารณาให้เปลี่ยนท่านอนได้บ่อยขึ้น โดยมีการหมุนเวียนเปลี่ยนท่านอน เช่น นอนหงาย นอนตะแคงซ้าย นอนตะแคงขวา สลับกันไป
  • การนอนตะแคง ควรจัดให้นอนตะแคง กึ่งหงาย ใช้หมอนยาวรับตลอดแนวลำตัว รวมทั้งบริเวณข้อเข่า ข้อเท้า ควรทำให้สะโพก ทำมุม 30 องศา และใช้หมอนรองตามปุ่มกระดูก และใบหู
  • การนอนหงาย ควรมีหมอนสอดคั่นระหว่างหัวเข่า ตาตุ่มทั้ง 2 ข้าง ขา 2 ข้าง และรองใต้น่องและขาเพื่อให้เท้าลอยพ้นพื้นไม่กดที่นอน
  • การจัดท่านอนศีรษะสูงไม่เกิน 30 องศา แต่ถ้าจำเป็นศีรษะสูงเพื่อให้อาหาร หลังจากให้อาหาร 30 นาที – 1 ชั่วโมง ควรลดระดับลงเหลือ 30 องศา
  • กรณีที่นั่งรถเข็น ควรให้มีเบาะรองก้น และกระตุ้นให้เปลี่ยนถ่ายน้ำหนักตัว หรือยกก้นลอยพ้นพื้นที่นั่งทุก 30 นาที
การใช้อุปกรณ์ลดแรงกด
  • อุปกรณ์ลดแรงกดอยู่กับที่ เช่น ที่นอนที่ทำจาก เจล โฟม ลม น้ำ หมอน เป็นต้น
  • อุปกรณ์ลดแรงกดสลับไปมา เช่น ที่นอนลม ไฟฟ้า
การดูแลผิวหนัง
  • ผู้ป่วยที่มีผิวหนังแห้ง ควรหลีกเลี่ยงการใช้น้ำอุ่น หลังทำความสะอาดร่างกายควรทาโลชั่น 3-4 ครั้ง / วัน เพื่อป้องกันผิวหนังแตกแห้ง
  • ผู้ป่วยที่ควบคุมการขับถ่ายไม่ได้ ควรทำความสะอาดทุกครั้ง ที่มีการขับถ่าย และซับให้แห้งอย่างเบามือ
  • ทาวาสลีน หรือ Zinc paste ให้หนาบริเวณผิวหนังรอบๆทวารหนัก แก้มก้นทั้ง 2 ข้าง เพื่อป้องกันผิวหนังเปียกชื้น
  • ส่งเสริมการเคลื่อนไหวของร่างกายโดยการออกกำลังกาย
  • ระวังอุบัติเหตุที่เกิดกับผิวหนัง เช่น การกระแทก ของมีคม เป็นต้น
  • จัดสิ่งแวดล้อมเพื่อให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อไม่ให้ผิวหนังอับชื้น
  • หลีกเลี่ยงการนวดปุ่มกระดูกโดยเฉพาะที่มีรอยแดง จะทำให้การไหลเวียนลดลง
  • หลีกเลี่ยงการใช้ความร้อนประคบบริเวณผิวหนังที่มีความรู้สึกน้อย หรืออ่อนแรง
  • ดูแลผ้าปูที่นอนให้สะอาดแห้ง และเรียบตึงเสมอ เพื่อลดความเปียกชื้นและลดแรงเสียดทาน
  • จัดเสื้อผ้าให้เรียบ หลีกเลี่ยงการนอนทับตะเข็บเสื้อ และปมผูกต่างๆเพื่อลดแรงกดบริเวณผิวหนัง
  • ไม่นวดหรือใช้ความร้อนประคบหรือใช้สบู่กับผิวหนังที่มีรอยแดง
  • ไม่ใช้ห่วงยางเป่าลมรองบริเวณปุ่มกระดูกเพราะจะทำให้เลือดไปเลี้ยงได้ไม่ดีทำให้เกิดแผลได้ และไม่ควรใช้ถุงมือใส่น้ำรองบริเวณปุ่มกระดูก เพราะอาจแพ้ยางได้
การเคลื่อนย้าย
  • การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยควรใช้แรงยกไม่ควรใช้วิธีลาก ไม่ควรเคลื่อนย้ายตามลำพังถ้าผู้ป่วยช่วยเหลือตัวเองไม่ได้
  • ขณะเคลื่อนย้ายโดยการใช้รถเข็น ควรสวมรองเท้าหุ้มส้นทุกครั้ง และรัดสายรัดกันเท้าตกเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุขณะเคลื่อนย้าย
  • ผู้ป่วยที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ไม่ควรอยู่ในท่านั่งนานเกิน 1 ชั่วโมง
ภาวะโภชนาการ
  • ถ้าผู้ป่วยรับประทานอาหารได้น้อยหรือรับประทานอาหารไม่ได้เลยควรพิจารณาใส่สายยางให้อาหาร
  • ควรเพิ่มอาหารประเภทโปรตีนเพื่อส่งเสริมการหายของแผล เช่น นม ไข่ เนื้อสัตว์ต่างๆ
  • วิตามินซี เช่น ส้ม ผัก ผลไม้สด มีผลต่อการหายของแผล ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน และป้องกันการทำลายเนื้อเยื่อ
  • วิตามินเอได้แก่ นม ไข่ ผักคะน้า ผักใบเขียว เป็นต้น ช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น
  • สังกะสี เช่น หอยแมลงภู่ เมล็ดทานตะวัน ช่วยในการสังเคราะห์โปรตีน สร้างคอลลาเจน
ระดับแผลกดทับและการดูแลแผล
ระดับ 1 ผิวหนังไม่มีการฉีกขาด แต่เป็นรอยแดงกดบริเวณรอยแดงไม่จางหายภายใน 30 นาที ดูแลโดยมีการป้องกันแรงเสียดทานแรงกดทับโดยใช้อุปกรณ์ที่ช่วยลดแรงกดทับ เช่น หมอน เจลโฟม ที่นอนลม, เปลี่ยนท่าทุก 2 ชั่วโมง ทาโลชั่นหรือครีมในผู้ป่วยที่มีผิวหนังแห้ง ดูแลผิวหนังไม่ให้เปียกชื้น และกระตุ้นให้มีการเคลื่อนไหว
ระดับ 2 ผิวหนังส่วนบนหลุดออก ฉีกขาดเป็นแผลตื้น มีรอยแดงบริเวณเนื้อเยื่อ รอบๆ มีอาการปวด บวม แดง ร้อน มีสิ่งขับหลั่งจากแผลปริมาณเล็กน้อย หรือปานกลาง ดูแลเหมือนระดับที่ 1 เพื่อป้องกันไม่ให้มีแผลเพิ่ม เช็ดรอบๆแผลด้วย Alcohol 70 % และใช้silver sulfa diazine ปิดด้วยผ้าก็อส ใช้วาสลีนทาผิวหนังรอบแผลเพื่อปกป้องผิวหนังไม่ให้เกิดการเปียกแฉะ ควรหลีกเลี่ยงการใช้น้ำยา Povidine เช็ดแผล
ระดับ 3 มีการทำลายผิวหนังถึงชั้นไขมัน มีรอยแผลลึกเป็นหลุมโพรง มีสิ่งขับหลั่งออกจากแผลมาก อาจมีกลิ่นเหม็น
ระดับ 4 มีการทำลายถึงเส้นเอ็น กล้ามเนื้อ กระดูก แผลเป็นโพรง มีสิ่งขับหลั่งออกจากแผลมาก มีกลิ่นเหม็น
แผลกดทับระดับที่ 3, 4 ควรปรึกษาบุคลากรทางการแพทย์เพื่อพิจารณาเลือกวิธีการ การเลือกใช้วัสดุในการใส่
แผลให้ถูกต้องเหมาะสมในแผลแต่ละชนิด


(KCI’s Pressure Ulcer Assessment Tool, 2002)
สรุป
++++++การป้องกันแผลกดทับเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก โดยการลดปัจจัยเสี่ยงต่างๆที่ส่งผลกระทบให้เกิดแผล ก็จะสามารถป้องกันไม่ให้เกิดแผลกดทับตามมาได้ รวมทั้งเมื่อเกิดแผลกดทับขึ้นการดูแลที่เหมาะสมตามระดับของแผล ป้องกันไม่ให้แผลลุกลามมากขึ้นการลดแรงกดที่เหมาะสมรวมทั้งการดูแลเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ก็จะทำให้การหายของแผล เป็นไปได้อย่างดี

Sunday, January 23, 2011

ทำไมชาร์ท battery iPad ผ่านสาย USB แล้วไฟไม่เข้า


 
สำหรับมือใหม่ iPad (รวมทั้ง AppTube ด้วย) อาจจะสงสัย ว่า เวลาชาร์ทแบตผ่าน ช่อง USB port ของคอมพิวเตอร์  แล้วทำไม iPad ขึ้นแจ้งว่า "ไม่ชาร์ท" หรือ "Not charging" ทั้ง ๆ ที่ iTunes ก็ detect iPad เจอ แล้วลองเปลี่ยน iPhone , iPod Touch ก็ชาร์ทได้ปรกติ

ไม่ ต้องตกใจ หรือเป็นกังวลไป เพราะ iPad นั้นต้องการ ไฟที่แรงกว่า ไฟที่ส่งออกมาทาง USB port ของคอมพิวเตอร์ ดังนั้น ผู้ใช้ iPad ทุกท่านโปรดทราบ
 
ข้อควรทราบสำหรับการชาร์ทไฟ ของ iPad
 
1. iPad ต้องเสียบชาร์ทไฟกับ power adapter ที่ให้มาในกล่องเท่านั้น (10 watt) ใช้ของ iPhone หรือ iPod Touch ไม่ได้
2. iPad สามารถชาร์ทไฟผ่านทาง USB port ของคอมพิวเตอร์ ได้เฉพาะตอนที่ iPad อยู่ในสถานะหลับอยู่เท่านั้น (sleep) ถ้า ใช้จิ้มเล่นอยู่ ยังไงก็ไม่ชาร์ท
3. แม้ iPad จะแจ้งว่า "ไม่ชาร์ท" หรือ "Not Charging" ก็หมายถึง iPad ใช้ไฟผ่านทาง USB port อย่ เพียงแต่
ไม่ ชาร์ทไฟเข้า แบตเตอร์รี่เท่านั้น ดังนั้น ถ้าใช้ iPad อย่างหนักหน่วง แล้วแบตใกล้หมด ก็เสียบเข้ากับ USB port ก็ได้ เพียงแต่ พลังงานแบตจะไม่ได้เพิ่มขึ้นเท่านั้น

หวังว่าเป็น ทิปดี ๆ สำหรับ iPad มือใหม่ เพราะ AppTube เอง ก็เพิ่ง ถอย iPad มา เป็นมือใหม่ หัดใช้ iPad เหมือนกัน ดังนั้น มีอะไรน่าสนใจ ก็จะเอา มาแบ่งปันแน่นอน
 
http://apptube.exteen.com/category/Tips-Tricks

วิธีการ jailbreak iOS 4.3 b1 สำหรับ iPhone, iPad, iPod Touch

วิธีการนี้ เผยแพร่โดย Redmonpie.com ซึ่งเหมาะสำหรับ คนที่ต้องการทดลองติดตั้ง iOS 4.3 รุ่นทดลอง เท่านั้น ไม่เหมาะกับคนมือใหม่ โปรดอ่านให้เข้าใจก่อน  จะทำ ตามขั้นตอนนี้  เพราะ ขั้นตอนยุ่งยากมาก เพื่อไม่ให้เครื่องมีปัญหา

ต้องใช้อะไรบ้าง ?
    * PwnageTool 4.1.2
    * Access to iOS 4.3 Beta firmware
    * iTunes 10.1.1
    * Mac OS X
    * PwnageTool bundle for iPhone 4, iPad or iPod touch 4G
หมายเหตุ
    * Cydia สามารถใช้ได้กับ  iOS 4.3 Beta.
    * เจลเบรคแล้วจะเป็นแบบ semi-tethered jailbreak.
    * baseband (modem firmware) ไม่ได้เปลี่ยนแปลง

Step 1: Download PwnageTool bundle for your version of iOS device. Extract the .zip folder, in there you will find two files: CydiaInstaller.bundle and a .bundle file, for this guide, we are using iPhone 4 bundle iPhone3, 1_4.3_8F5148b.bundle. Move all these files to your desktop.
Step 2: Download PwnageTool 4.1.2 and copy it to your desktop. Right click, and then click on “Show Package Contents” as shown in the screenshot below.
PwnageTool-4.3-1
Step 3: Navigate to Contents/Resources/FirmwareBundles/ and paste iPhone3, 1_4.3_8F5148b.bundle file in this location.
Jailbreak iOS 4.3 (1)
Step 4: Now navigate to Contents/Resources/CustomPackages and here replace the CydiaInstaller.bundle file with the version that you downloaded in Step 1, and then simply close this folder.
Jailbreak iOS 4.3 (2)
Building a Custom Firmware
Step 5: Download iOS 4.3 Beta. Move this file to your desktop.
Step 6: Start PwnageTool in “Expert mode” and select your device:
PwnageTool 4.3 (4)
Step 7: Browse for iOS 4.3 beta firmware for your device as shown in the screenshot below:
PwnageTool 4.3 (1)
Step 8: Now select “Build” to start creating custom 4.3 firmware file:
PwnageTool 4.3
Step 9: PwnageTool will now create the custom .ipsw file for your iPhone which will be jailbroken.
PwnageTool 4.3 (2)
Step 10: Once you have created the custom firmware, quit PwnageTool. Don’t restore to this firmware yet.
Creating Custom Ramdisk for iOS 4.3 Custom Firmware
Step 11: Download Ramdisk_Maker.zip by DjayB6, extract the file, and move the folder to your desktop.
Step 12: Now open ramdisk_maker.sh file, and edit the paths required in a program like TextEdit, as shown highlighted in the screenshot below.
Jailbreak iOS 4.3 (3)
Step 13: Now start Terminal and run the following commands:
    cd desktop
    cd ramdisk_maker
    ./ramdisk_maker.sh
Now from here on, this automated script in Terminal will guide you on what to do next as shown highlighted in the screenshot below.
Jailbreak iOS 4.3 (4)
Step 14: First, create a folder on desktop named My_Ramdisk. Then change the extension of the original iOS 4.3 Beta file from .ipsw to .zip, and then extract this .zip file.
Step 15: Here you will see a file named 038-0408-002.dmg. This is the file we need. Copy this file to My_Ramdisk folder that you created on desktop.
Jailbreak iOS 4.3 (6)
Step 16: Once you have done that, you will notice that Terminal screen will automatically move to the next step as shown in the screenshot below.
Jailbreak iOS 4.3 (7)
Step 17: Now go to ramdisk_maker folder that you saved earlier on desktop, here open the file Options.plist in a program like TextWrangler (available for free on the Mac App Store). Here change the <integer></integer> value under SystemPartitionSize <key></key> to 1116, as also shown highlighted in the screenshot below.
Jailbreak iOS 4.3 (8)
Step 18: Now save this Options.plist file and move it to My_Ramdisk folder. At this point, you will once again notice that Terminal will automatically move to complete the process.
Jailbreak iOS 4.3 (9)
Step 19: Once done, you will now notice a new file named final_ramdisk.dmg in My_Ramdisk folder. Rename this file as 038-0408-002.dmg
Jailbreak iOS 4.3 (10)
Step 20: Now change the extension of the custom iOS 4.3 Beta firmware file that you created earlier from .ipsw to .zip, and then extract this .zip file.
Step 21: Here, replace 038-0408-002.dmg file with the one you created in Step 19 above.
Jailbreak iOS 4.3 (11)
Step 22: Now select all files, and click on “Compress 9 Items” so that it is converts back into .zip file. Now change the extension of this .zip file to .ipsw and you are done making the custom firmware, with fixed ramdisk.
Jailbreak iOS 4.3 (12)
Restore iOS 4.3 Custom Firmware Using iTunes
Step 23: Start iTunes, click on your iOS device icon from the sidebar in iTunes. Now press and hold left “alt” (option) button on Mac, or Left “Shift” button if you are on Windows on the keyboard and then click on “Restore” (Not “Update” or “Check for Update”) button in the iTunes and then release this button.
Update iPhone 4 4.2.1 (4)
This will make iTunes prompt you to select the location for your custom firmware 4.3 file. Select the required custom .ipsw file that you created in Step 22 above, and click on “Open”.
Step 24: Now sit back and enjoy as iTunes does the rest for you. This will involve a series of automated steps. Be patient at this stage and don’t do anything silly. Just wait while iTunes installs the new firmware 4.3 on your iOS device. Your iOS device screen at this point will be showing a progress bar indicating installation progress. After the installation is done, your iPhone, iPad or iPod touch will be jailbroken on iOS 4.3.
Booting in Tethered Mode
Last but not the least, since there is no untethered jailbreak for iOS 4.3 yet, we will have to boot it into a tethered jailbroken state. To do this, we will make use of a utility named “tetheredboot” as shown in the steps below.
Step 25: Download tetheredboot.zip utility for Mac OS X and extract the .zip file.
Step 26: First, we will need three files from the original iOS 4.3 Beta firmware namely: kernelcache.release.n90, iBEC.n90ap.RELEASE.dfu, and iBSS.n90ap.RELEASE.dfu.
Change the extension of the original iOS 4.3 Beta file from .ipsw to .zip, like you did in Step 14 above, and then extract this .zip file.
Now copy kernelcache.release.n90 file, and then copy iBEC.n90ap.RELEASE.dfu, and iBSS.n90ap.RELEASE.dfu files which are found under /Firmware/dfu/.
Move all these three files, and tetheredboot utility to a new folder named “tetheredboot” on the desktop as shown in the screenshot below.
Jailbreak iOS 4.3 (14)
Step 27: Now to boot your iPhone, iPad or iPod touch into tethered mode, connect it with your computer and start it in Recovery Mode by holding Home and Power buttons until the connect to iTunes screen appears on your device.
iOS 4.2.1 Recovery Mode
Step 28: Start Terminal and run the following commands:
    sudo sh
enter your administrator password, then:
    cd desktop/tetheredboot
    ./tetheredboot iBSS kernel
Jailbreak iOS 4.3 (13)
You should now see some code running in the Terminal windows, at some point, it will ask you to enter DFU mode. Now follow the following steps to enter DFU mode:
    * Hold Power and Home buttons for 10 seconds
    * Now release the Power button but continue holding the Home button for 10 more seconds
    * You device should now be in DFU mode
Now wait for your device to boot, Terminal at this point will be showing “Exiting libpois0n” message. After a short while, your iPhone, iPad or iPod touch will be booted in a jailbroken tethered mode !

ที่มา :
Redmondpie.com

http://apptube.blogspot.com/2011/01/jailbreak-ios-43-b1-iphone-ipad-ipod.html

Thursday, January 20, 2011

จะไปเที่ยวพัทยา มีรถตู้ไปแถวอนุสาวรีชัยไหมครับ

จากที่ไป review มานะตามที่โพสไว้ที่ต่างๆ

มีวินรถตู้เปิดใหม่ พัทยา - อนุเสาวรีย์
   มีวินรถตู้ไปพัทยาเปิดใหม่ค่ะ ท่ารถอยู่ที่เซ็นเตอร์ วัน
วันนี้ได้โบชัวร์มา เพื่อนๆคนไหนอยากเดินทางไปพัทยาก็ไปใช้บริการได้นะคะ ค่ารถน่าจะประมาณ 100 บาท อยู่ตรงเซ็นเตอร์วันเลย มีเวปด้วย http://www.pattayavan.com
และวินนี้มีประกันภัยทุกที่นั่งทำเหมือนรถทัวร์เลย
เอาใจคนรักความปลอดภัยจ้ะ


มีรถตู้ อนุเสาวรี-พัทยา ขึ้นได้ที่ห้างเซนจูรี่ นะคะ ราคาถ้าเป็นนักศึกษา ม.เกษตร 110 ค่ะ(ต้องแสดงบัตรก่อนจ่ายเงินทุกครั้ง) บุคคลทั่วไปก็เก็บตามปกติค่ะ คือ 140 จอดที่วินรถสองแถวแยกวัดชัยฯ พัทยาใต้ ใกล้ๆ walking street ค่ะ หากใช้บริการ 10 ครั้ง ฟรี 1 ครั้งค่ะ แต่ถ้าซื้อตั๋วไปกลับก็จะถูกลงค่ะ (120 ไป-กลับ ก็ 240) รถเที่ยวแรก 05.30 น. - 20.00 น. (รถออกทุกๆ 30 นาทีค่ะ) ขึ้นมอเตอร์เวย์
สามารถโทรสอบถามได้ที่ T-Tour
1. 085-9922747 begin_of_the_skype_highlighting              085-9922747      end_of_the_skype_highlighting
2. 080-0906540
3. 080-2497795
4. 086-6055510 begin_of_the_skype_highlighting              086-6055510      


 มีรถอยู่ข้างรถโรงเรียนกวดวิชาลงจาก BTS แล้วก็มาทางด้านซ้ายมี ราคา 97 บาทนะค่ะ ถ้ามาจากอนุสาวรีย์นะค่ะแต่ถ้ามาจากพัทยา ต้องขึ้นตามจุดมี 3 จุดนะค่ะ เที่ยวแรกจากออกจากพัทยา ตอน 5.30 นะค่ะ จุดแรกตรงข้ามหัวมุม Walking Street จุด 2 ตรงข้ามห้างเฟรดชิฟ จุด 3 หน้า ดิ อเวนิว ติดต่อได้ที่ พัทยานะ 02-7964417-8 อนุสาวรีย์ 02-7964416 begin_of_the_skype_highlighting              02-7964416      

มีอีกบริษัท หนึ่งนะ รับตามระหว่างทางถึงศรีราชา บริษัท เมืองท่ามหานคร นะค่ะ ค่ารถ 100 บาทสะดวกนะค่ะ รับประกันนั่งบ่อยนะค่ะ รถออกเที่ยวแรก 6.00 นะค่ะ เบอร์โทร0867036779,086374-5695 begin_of_the_skype_highlighting              086374-5695      end_of_the_skype_highlighting,083-11133-996,086-3031759 begin_of_the_skype_highlighting              086-3031759      end_of_the_skype_highlighting ถ้าจะโทรตอนเช้าโทรประมาณ 5.50 นะค่ะเพราะพวกเค้าพึ่งจะเปิดเครื่องนะค่ะ แล้วอีกบรษัท พรรณ์นิภา พัทยา ทัวร์ จำกัด ค่ารถ 150 ออกจากพัทยาเที่ยวแรก 5.00 นะค่ะ เบอร์ 089-5077438 begin_of_the_skype_highlighting              089-5077438      end_of_the_skype_highlighting,089-5037467 begin_of_the_skype_highlighting              089-5037467      end_of_the_skype_highlighting
แพงแต่เร็วและบริการดีนะค่ะ ถ้าจะขึ้นที่อนุสาวรีย์ก็ขึ้นตรง ดินแดง ใหล้แฟลต 5 ดาวนะค่ะ


มี ของบริษัท นพรัตน์ มหาสิทธิโชค ทัวร์ จำกัด ครับ รถออกเกือบทุกชั่วโมง ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกจะมีตั้งแต่ 6 โมงเช้า - 6 โมงเย็น ราคา 150 บาทครับ

ผม ใช้บริการบ่อยครับ เพราะราคาแพงกว่ารถทัวร์นิดเดียวเอง แต่สะดวกรวดเร็ว วิ่งเส้นมอเตอร์เวย์ ประมาณชั่วโมงครึ่งก็ถึงแล้วครับ (แต่ตอนนี้ทำถนนอยู่ ถ้าไปวันที่รถเยอะๆ อาจใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมงได้เหมือนกัน)

รถเค้า จอดอยู่ด้านซ้ายมือหน้าทางด่วนอนุสาวรีย์-ดินแดง (ติดแฟลตห้าดาว) มี Office ให้นั่งรอด้วยครับ เปิดแอร์เย็นฉ่ำ มีห้องน้ำให้บริการอีกต่างหาก เจ๋งมาก (เชียร์กันออกหน้าออกตา)

ส่วนปลายทางเค้าจะจอดที่พัทยากลาง แถวธนาคารกรุงศรีอยุธยาครับ (มี Office ติดแอร์เหมือนกัน) ไม่ไกลจากคาร์ฟูพัทยากลางเท่าไหร่ แต่ถ้าจะเดินไปหาดเลยนี่ก็เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน แต่ไม่ต้องห่วง ตรงนั้นเป็นถนนสายหลัก มีสองแถววิ่งผ่านตลอดครับ

เพื่อความสะดวกผมให้เบอร์โทรไว้เลยดีกว่าครับ (บริษัทรถทัวร์กับรถตู้วินอื่นอย่าโกรธผมนะครับ)

อนุสาวรีย์ชัยฯ : 089-5037423 begin_of_the_skype_highlighting              089-5037423      end_of_the_skype_highlighting, 089-5037188 begin_of_the_skype_highlighting              089-5037188      end_of_the_skype_highlighting
พัทยากลาง : 089-5077438 begin_of_the_skype_highlighting              089-5077438      end_of_the_skype_highlighting, 089-5037467 begin_of_the_skype_highlighting              089-5037467      end_of_the_skype_highlighting

Tuesday, January 18, 2011

อยากได้ คอร์ดเพลง เบาเบา

ฟังเพลง เบา เบา
ซินกูร่า (Singular)

เบาเบา Singular คอร์ด ทั้งหมดเป็น เมเจอร์ 7 หมดเลยนะครับ ลองดู

(ดรอปสายครึ่งเสียง คีย์ C ) ถ้าไม่ดรอปจะเป็น B นะครับ

Intro C G Am F C G Am F#mb5
C G
ใจหนึ่งใจ จะต้องการอะไร
Am F#mb5/F
ให้มันมากมาย ให้มันวุ่นวาย
C G
เพียงเธอนั้น ใส่ใจกันเบาเบา
Am/F#mb5 G
พอให้สองเรา ได้ทำอะไรมากมายในตอนนี้
Am F G
* บางเวลาไม่เป็นไร ถ้าเธออยู่ไกล
A F
บางเวลาฉันเข้าใจ เธอลืมกันไป
F#mb5 G
บางเวลาไม่เป็นใจ ก็ไม่ต้องเสียดาย
G
ปล่อยมันไปก่อนนะ
C G
** คิดถึงฉันสักครั้ง เมื่อไม่ได้คิดถึงใคร
Am F
ทำตัวตามสบาย แล้วเจอกันในความฝัน
C G
มีเวลาดีๆ ก็บอกให้ฉันได้ฟัง
Am F#mb5/G Am
ไม่มากเกินไป ดังนั้นค่อยๆ รักกันเบาเบา
ดนตรี...... Am G Am F#mb5 Am G C F#mb5
C G
เธอกับฉัน ยังต้องเดินทางไกล
Am/F#mb5 G
คงไม่สายไป ให้เวลากับใจได้เรียนรู้
ซ้ำ * , ** Solo ซ้ำ *, ** , **
Solo C G Am F C G Am F/GG

ดนตรีตอนจบ Am G Am F#mb5 Am G C F#mb5
ค่อยๆ รักกันเบาเบา

http://www.musicatm.com/thai/%E0%B8%9F%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%87-%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%B2-%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%B2-%E0%B8%8B%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B9%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%B2-%28Singular%29-22875.html

Saturday, January 15, 2011

ตั้งสายกีตาร์อย่างไรครับ




AP Guitar Tuner เป็นโปรแกรมตั้งสายกีตาร์ที่มีความแม่นยำสูงมาก สามารถหาเสียงแต่ละสายให้อัตโนมัติ

วิธีใช้งาน..
1. เสียบสายไมค์ที่ใช้กับคอมพิวเตอร์เสียบที่ช่องเสียบไมค์ แล้วเอาไมค์ที่เราเสียบสายไว้กับคอมแล้ว มาจ่อกับกีตาร์เรา
(สำหรับกีตาร์โปร่งนะคับ...ถ้าเป็นไฟฟ้าให้ดูที่หมายเหตุข้างล่างคับ)
2. รันโปรแกรมขึ้นมา
3. เลือกรูปแบบการตั้งสายที่เราตัองการ เช่น เลือก Standard E
4. รูปแบบของเสียงในการตั้งสายก็จะโชว์อยู่ข้างล่าง เช่น E A D G B E
5. ตั้งสายที่ละเส้น (แนะนำให้ตั้งสาย 6 ก่อน)
6. ตั้งสายแต่ละเส้นให้อยู่ ในเสียงนั้น พยายามตั้งให้เสียงมาอยู่ที่ +10%
7. เพราะการตั้งสายให้อยู่ที่ +10% จะทำให้สายเราไม่เพี้ยนบ่อย
สังเกตุได้ว่าเวลาที่เราตั้งสายตามปรกตินั้น ถ้าเราตั้งให้ตรง พอตั้งเสร็จ
สายแรกๆ ที่เราตั้งจะต่ำลงไป เพราะการคลายตัวของสายตามธรรมชาติ
8. พอตั้งเสร็จแล้ว ให้ตีคอร์ดหนักๆ หรือโซโลแล้วดันสายทุกสายให้เยอะๆ แล้วตั้งอีกรอบนึง
มันจะช่วยให้สายของเราเข้าที่ แล้วมันก็จะไม่เพี้ยนบ่อย ครับ
AP Guitar Tuner 2009 (Portable) File Size: 2.89 MB

แต่นี่เป็นวิดีโอการตั้งสายกีตาร์ลองดูนะครับแต่เป็นภาษาอังกฤษ



ด้วยเวลาเพียง4.56นาที กับวิธีการตั้งสายกีต้าร์ในรูปแบบง่ายๆ ผ่านวิดีโอสอนการตั้งสาย ใครที่ยังไม่รู้หลักการหรือวิธีการง่ายๆในการตั้งสาย ลองชมกันดูนะครับ ใช้ได้ทั้งสายกีต้าร์โปร่ง และสายดีต้าร์ไฟฟ้า ถึงจะเป็นภาษาอังกฤษแต่ลองดูก่อนครับ ไม่ต้องแปลหรอกแค่ทำตามใน How to Tune a Guitar & Alternate Tunings : Relative Guitar Tuning Method

http://www.baanmaha.com/community/thread32969.html
http://guitararmy.blogtika.com/?title=guitar-music-tune&more=1&c=1&tb=1&pb=1

Tuesday, January 11, 2011

ท้องผูกทำอย่างไรดีคะ

โรคท้องผูก เป็นอาการที่พบได้บ่อยมากและ เป็นอาการที่ผู้ป่วยต้องมาปรึกษาหมออยู่เป็นประจำ และบางครั้งบางคราวก็อาจเป็นเรื่องใหญ่ เช่นผู้ป่วยที่มีอายุสูง อาจทำให้อาการรุนแรงปวดท้องได้มากๆ เนื่องจากลำไส้ถูกอุดด้วยอุจจาระที่แข็งมากเวลาที่ถ่ายอุจจาระอาจบาดปากทวาร หนัก ทำให้เกิดอาการเลือดออกได้มากๆ หรืออาจเกิดร่วมกับโรคริดสีดวงทวาร ทำให้ตกเลือดจนซีดและบางรายถึงกับต้องให้เลือดแก่ผู้ป่วยก็มี
โดยทั่ว ไปอาการนี้ดูเหมือนกับไม่มีความสำคัญเท่าไรนัก แต่ในภาวะบางภาวะดังตัวอย่างที่กล่าวมาแล้วก็อาจทำให้เกิดอันตรายแก่ผู้ป่วย ได้ ฉะนั้นจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ประชาชนควรได้ทราบไว้ตลอดจนถึงการระวัง ป้องกัน ก่อนอื่นจำเป็นต้องกล่าวถึงการถ่ายอุจจาระก่อน
                                                     

อุจจาระ เป็นกากของอาหารที่ร่างกายไม่ได้ใช้แล้ว ไม่ย่อยต่อไปและไม่ดูดซึมไปเพื่อประโยชน์ต่อร่างกาย จำนวนอุจจาระของคนปกติ ไม่จำเป็นต้องเท่ากันเสมอทุกวันไป ทั้งนี้แล้วแต่วันใดหรืออาหารชนิดใดที่กินในวันนั้น วันใดกินอาหารที่มีกากมากหรืออาหารที่ย่อยยากอุจจาระก็จะมีจำนวนมากกว่า ธรรมดา ถ้าวันใดคนผู้นั้นกินอาหารที่ย่อยง่าย ไม่มีกาก อาหารถูกย่อยและดูดซึมเพื่อไปใช้เป็นประโยชน์ต่อร่างกายหมดหรือเกือบหมด อุจจาระก็มีน้อย

ผู้ป่วยบางคนช่างสังเกตมากมักมาตั้งคำถาม ถามผมบ่อยๆ ว่า “เอ ทำไมผมกินอาหารวันหนึ่งมากมายอุจจาระทำไมมีนิดเดียวมันหายไปไหนหมด”ในทางตรงกันข้าม “คุณหมอครับ ผมกินอาหารไปไม่มากเลยในวันหนึ่งๆ แต่ทำไมอุจจาระออกมามากมาย แต่ลักษณะก็ ปกติดี ลำไส้ผมจะซึมหรือเปล่า”อุจจาระที่ปกติ จะเป็นอุจจาระที่เป็นก้อน มีกลิ่นตามธรรมดา ไม่เหลวหรือแข็งเกินไป ถ่าย ประมาณวันละ 1-3 ครั้งโดยมากมักถ่ายสะดวก ไม่ต้องอาศัยแรงเบ่งมาก การถ่ายวันเว้นวันอาจไม่เป็นอาการท้องผูก ถ้าอุจจาระนั้นถ่ายง่ายสะดวกและไม่แข็งเกินไป

อาการท้องผูกหมายถึง ผู้ป่วยจำเป็นต้องออกแรงเบ่งมากในเวลาถ่าย
บางทีถึงเบ่งก็ไม่ออก ต้องสวนหรือแคะออก แม้ผู้ป่วยจะถ่ายทุกวัน ถ้าอุจจาระแข็งมากต้องอาศัยแรงเบ่งมากก็เรียกเป็นอาการท้องผูกเช่นเดียวกัน โดยมากผู้ป่วยที่มีอาการมาก อาจถ่ายหลายๆ วันครั้งหนึ่ง ในบางคนที่ข้าพเจ้าเคยพบสองอาทิตย์จึงถ่ายครั้งหนึ่งก็มี ในผู้ป่วยที่เป็นโรคบางชนิด เช่น ลำไส้ใหญ่โตขนาดมหึมาแต่กำเนิดอาจเป็นเวลาแรมเดือนกว่าผู้ป่วยจะถ่ายอุจจาระ ครั้งหนึ่ง

การถ่ายอุจจาระจะเกิดขึ้นในเมื่อกากอาหารหรืออุจจาระไปขังตัวอยู่ในลำไส้ใหญ่ส่วนล่าง ซึ่ง ลำไส้ในตอนนั้นจะถูกกระตุ้นด้วยก้อนอุจจาระที่ถูกขังอยู่ข้างใน ทำให้ลำไส้บีบตัวเกิดอาการปวดต่างๆ ของการอยากจะถ่าย การถ่ายจริงๆ อาศัยกำลังจากกล้ามเนื้อกะบังลมกล้ามเนื้อหน้าท้องที่ขณะเบ่ง ทำให้เกิดความดันสูงในช่องท้อง และเป็นแรงดันช่วยให้ขับอุจจาระออกมา ฉะนั้น ในคนชรา อายุมาก กล้ามเนื้อกะบังลมและหน้าท้องหย่อน ในหญิงที่มีบุตรมากหน้าท้องแตก กล้ามเนื้อหน้าท้องบางและอ่อนย่อมทำให้มีอาการท้องผูกได้ง่ายและเป็นเรื่อง ที่แก้ไขลำบาก ถ้ากำลังของการเบ่งจากกล้ามเนื้อเหล่านี้ลดน้อยลง

ตาม ปกติในสัตว์ชั้นต่ำและมนุษย์ มักจะมีปฏิกิริยาสะท้อนที่เกิดขึ้นในเมื่อมีอาหารตกถึงกระเพาะอาหาร จะมีการบีบตัวของลำไส้ใหญ่เกิดขึ้น ที่เรียกทางแพทย์ว่า ปฏิกิริยาสะท้อนจากกระเพาะถึงลำไส้ใหญ่ มนุษย์หรือสัตว์จะอยากถ่ายอุจจาระทันทีจะเห็นตัวอย่างได้ดี เช่นในสัตว์พวก ช้าง ม้า วัว ควายซึ่งเมื่อกินอาหารแล้วจะถ่ายอุจจาระอยู่เรื่อยๆดังนั้น ในมนุษย์จึงมีความรู้สึกอยากถ่ายอุจจาระอยู่เสมอหลังอาหาร

บางคน ปฏิกิริยาสะท้อนนี้ดีมาก ต้องถ่ายวันละ 3 ครั้ง หรือทุกครั้งหลังกินอาหาร คนพวกนี้จะไม่มีอาการท้องผูกเลย แต่บางคนไม่ทราบถึงกลไกอันนี้ กลับวิ่งมาหาหมอโดยนึกว่าเป็นโรค แต่เมื่ออธิบายปรากฏการณ์อันเป็นธรรมชาติอันนี้ให้เข้าใจ ก็เป็นที่พึงพอใจและหมดความกังวลไป



ใน สังคมมนุษย์สมัยปัจจุบันนี้เนื่องจากอารยธรรม ความเจริญก้าวหน้า งานประจำซึ่งหนัก การต่อสู้เพื่อดำรงชีวิตมีมากขึ้นมนุษย์ต้องปรับตัวให้เข้ากับสังคม มีการทำงานอย่างรีบร้อนเพื่อแข่งกับเวลา จำเป็นต้องรีบอยู่เสมอ สังคมจึงเปลี่ยนให้มนุษย์อุจจาระวันละครั้งเดียวในตอนเช้าเมื่อตื่นนอน และรีบไปทำงานเมื่อถึงที่ทำงานไม่มีเวลาถ่ายอุจจาระถึงเวลามีความรู้สึกอยากจะถ่ายก็ยังไม่มีเวลา ต้อง ทำงานติดประชุม หรืผลัดตัวเองเลื่อนเวลาไป การกระทำเช่นนี้บ่อยๆ และเสมอๆ ทำให้ปฏิกิริยาสะท้อนและความไวของลำไส้ใหญ่ลดน้อยลงไปเรื่อยๆลำไส้ใหญ่ส่วน ล่างก็เคลื่อนไหวน้อยลง ต่อไปก็เกิดอาการท้องผูกเรื้อรังเกิดขึ้น จำเป็นต้องพึ่งหรืออาศัยยาถ่ายหรือระบาย

การใช้ยาถ่ายหรือระบายไปนานๆ ลำไส้ก็ชินต่อการกระตุ้นโดยยาพวกนี้ ต้องอาศัยยาแรงขึ้นทุกทีๆ ต่อมาต้องอาจเปลี่ยนเป็นวิธีสวนและต้องสวนหรือเหน็บกันประจำไปตลอดชีวิต ผลแทรกซ้อนที่ตามาก็คือลำไส้ใหญ่อาจหย่อนกำลังการเคลื่อนไหวบีบตัวช้าลงจน ไม่บีบ ผู้ป่วยอาจมีแผลจากการถ่ายอุจจาระแข็ง ทำให้อุจจาระบาดทวารหนัก และอาจเกิดริดสีดวงและการอักเสบ ตกเลือดทางทวารหนักต่อไปได้
ส่วนมากของผู้ป่วยที่มีอาการนี้มักเป็นเนื่องมาจากการปล่อยปละละเลยและตามใจตัวเองถึงเวลาถ่ายไม่ถ่ายไปทำงานอย่างอื่นเสีย การหัดนิสัยตัวเองให้พยายามถ่ายอุจจาระทุกวันให้เป็นเวลาเป็นการป้องกันอย่างดีที่สุด ต้องทำให้เคยชินและเป็นประจำทุกวัน ถ้าทำได้เช่นนี้ อาการท้องผูกจะไม่มีโอกาสมาแผ้วพานท่านทั้งหลายได้เป็นอันขาด

อาการ ท้องผูกอีกกลุ่มหนึ่งเป็นผลเนื่องมาจากผู้ป่วยมีโรคจริงๆ ในระบบทางเดินอาหารแต่นับเป็นส่วนน้อย เช่นในผู้ป่วยที่มีเนื้องอกในลำไส้ใหญ่อุดตัน หรือกั้นทางเดินของอุจจาระ โรคริดสีดวงทวารหัวใหญ่ที่อาจมาขวางทางออกของอุจจาระ โรคมะเร็ง โรคความผิดปกติของลำไส้ใหญ่มาแต่กำเนิด โรคไม่มีทวารหนักและโรคอื่นๆ อีก การรักษาของอาการท้องผูกในกลุ่มนี้ คือ การรักษาสาเหตุที่เป็นต้นเหตุ เช่นการผ่าตัดเนื้องอกหรือมะเร็งออกไป ไม่มีการรักษาอย่างอื่น

การรักษาอาการท้องผูก เป็นของยาก ต้องอาศัยความร่วมมือที่ดีจากผู้ป่วยในการหัดนิสัยของตนเองใหม่พยายามบังคับตัวเองให้ใช้กำลังในการเบ่ง พยายามให้ถ่ายให้ได้เองหลังกินอาหารเช้า ขณะ ที่ประสาทขับถ่ายอุจจาระกำลังถูกกระตุ้นอยู่ หัดออกกำลังให้กล้ามเนื้อหน้าท้อง และกะบังลมแข็งแรงเพื่อช่วยกำลังในการเบ่ง ในผู้ป่วยที่ไม่ร่วมมือ การรักษาย่อมลำบาก มักไปลงเอยในการใช้ยาถ่าย และยาระบายแบบต่างๆ ที่มีขายกันเกลื่อนในท้องตลาด

การป้องกันเป็นเรื่องสำคัญที่สุด และช่วยได้ดีที่สุด และควรจะถือหลักต่อไปนี้
1. ถ่ายอุจจาระทุกเช้า โดยเฉพาะหลังอาหารเช้าให้เป็นเวลา
2. อยากถ่ายรีบถ่าย อย่ารอเวลาและผลัด
3. หมั่นออกกำลังกายเสมอ โดยเฉพาะกล้ามเนื้อหน้าท้อง และการหายใจ
4. กินน้ำให้มากพอควรทุกวัน
5. กินผักและผลไม้ทุกวัน
6. อย่ารังเกียจส้วม พยายามถ่ายให้ได้ทุกแห่ง
ถ้าท่านทั้งหลายทำได้คงไม่มีอาการนี้เป็นแน่

http://www.doctor.or.th/node/6847

Friday, January 7, 2011

เคล็ดลับ (tips) ในการป้องกันฟันสึก (tooth erosion)

 

  • (1). ดื่มเครื่องดื่มที่มีฤทธิ์เป็นกรด เช่น น้ำอัดลม น้ำผลไม้ เครื่องดื่มกระตุ้นกำลัง ฯลฯ รวดเดียว ไม่ดื่มแบบจิบ (sip) ทั้งวัน
  • (2). ใช้หลอดดูด (straw) แทนการดื่มจากขวดหรือแก้ว
  • (3). ดื่มน้ำเปล่าแทนเครื่องดื่มเติมน้ำตาลหรือน้ำอัดลม
  • (4). กินผลไม้ทั้งผลหรือน้ำผลไม้ปั่นรวมกาก แทนน้ำผลไม้กรองกาก
  • (5). กินข้าวกล้องแทนข้าวขาว หรือขนมปังโฮลวีท(เติมรำ)แทนขนมปังขาว
...
  • (6). บ้วนปากทันทีหลังดื่มเครื่องดื่มที่มีฤทธิ์เป็นกรด และบ้วนปากตามเป็นระยะๆ อีกหลายๆ ครั้ง
  • (7). ไม่แปรงฟันทันทีหลังกินผลไม้ เครื่องดื่มที่มีฤทธิ์เป็นกรด อาหารที่มีฤทธิ์กรด เช่น น้ำส้มสายชู อาหารประเภทยำ น้ำมะนาว ฯลฯ > บ้วนปาก แล้วรอเวลาให้ผ่านไป 1/2-1 ชั่วโมงก่อนแปรงฟัน
  • (8). แปรงฟันด้วยแปรงขนอ่อน แปรงให้ถูกวิธี แปรงเบาๆ และใช้ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ นาน 2-3 นาที วันละ 2-3 ครั้ง [ แปรงฟันระวังเหงือก ]
  • (9). ตรวจช่องปากกับอาจารย์ทันตแพทย์ทุกๆ 6-12 เดือน
  • (10). ใช้ยาสีฟันหรือน้ำยาบ้วนปากที่มีโพแทสเซียมหรือสตรอนเทียม เช่น เซนโซดายน์, ฟลูโอคาริลบางรุ่น, คอลเกตบางรุ่น ฯลฯ เพื่อลดอาการเสียวฟัน ยาสีฟันที่ช่วยลดเสียวฟันมักจะมีคำว่า 'sensitive' = เซนซิทีฟ หรือไวต่อความรู้สึกพิมพ์อยู่ในฉลาก
...
  • (11). ใช้แปรงขนอ่อนมาก (extrasoft; extra- = พิเศษ; soft = อ่อน) หรือขนอ่อน (soft) แทนขนแปรงแข็งปานกลาง (medium)
  • (12). ยาน้ำส่วนใหญ่มีฤทธิ์เป็นกรด และเติมน้ำตาล เช่น ยาลดไข้-แก้ปวดเด็ก ฯลฯ ยาน้ำส่วนน้อยมีฤทธิ์เป็นด่าง เช่น ยาลดกรด ฯลฯ, ควรบ้วนปากหลายๆ ทันทีหลังกินยา
  • (13). ถ้าท่านเป็นโรคกรดไหลย้อน หรือท้องอืดบ่อย... ควรใช้คำแนะนำสำหรับคนไข้โรคกรดไหลย้อน (GERD) เพื่อลดโอกาสเกิดกรดไหลย้อนทำให้ฟันสึก
  • (14). ใช้ไหมขัดฟันให้ถูกวิธีวันละครั้ง 
  • (15). ถ้าฟันห่างหรือเหงือกสึก ควรพิจารณาใช้แปรงซอกฟัน 

Saturday, January 1, 2011

25 วิธีตรวจสอบเครื่อง iPhone 4 ใหม่แกะกล่อง [iphone 4 check list]

ใกล้เข้ามาทุกทีกับ การจำหน่าย iPhone 4 อย่างเป็นทางการในไทย (ข่าวเก่า)ก่อนหน้านี้ AppTube ก็เอาผลทดสอบ speestest ของ TRUE 3G มาไว้ประกอบการพิจารณาสำหรับเลือกค่ายที่จะใช้กับไอโฟน 4 แล้ว คราวนี้ก็เลยขอแนะนำ วิธีการเช็คเครื่องไอโฟน 4 ที่หลายคนจะได้แกะกล่องมาใช้เร็ว ๆ นี้ ขอบอกไว้ก่อนว่า รายการเช็คทั้งหมดนี้เช็คอุปกรณ์ในเครื่องไอโฟน ครบทุกฟังก์ชันเลย ข้อมูลก็เลยเยอะหน่อย แต่ก็เพื่อความสบายใจ ส่วนข้อบกพร่อง หรือปัญหาของ iPhone 4 ที่เจอกัน ก็ไม่ได้มีจำนวนเยอะมาก และส่วนใหญ่เป็นปัญหาช่วยแรกของสายการผลิต (คงจะรีบปั้มเครื่องไปหน่อย) แต่ก็ลองเช็คตามรายการข้างนี้กันไว้ก่อนดีกว่า เผื่อโชค "ดี" เฮงเจอเครื่องบกพร่อง แล้วก็ถ้าเจอปัญหาแต่เนิ่น จะได้ไปเคลมเครื่องกัน
ส่วนใครอยากได้เช็คลิสต์แบบสั้น ๆ ย่อ ก็ลองไปดู checklist iPhone 3GS ก็น่าจะมาประยุกต์ใช้ได้เหมือนกัน มีเพียงบางรายการที่ iPhone 4 เพิ่มเข้ามาจาก iPhone 3GS เช่น Gyroscope และ LED Flash ขอให้มีความสุขกับการใช้ไอโฟน 4 และอย่าลืมใช้ให้คุ้มนะครับ (เพราะมันแพงพอ ๆ กับคอมพิวเตอร์เครื่องหนึงเลย)
สุดท้าย อย่าลืมนะครับ iPhone 4 ใช้ MicroSIM ซึ่งแปลว่าต้องเปลี่ยนซิมใหม่นั่นเอง และ iOS 4.1 ยังไม่ได้สามารถเจลเบรคได้ ณ ตอนนี้ ดังนั้นแม้เครื่องมีปัญหา และต้องการจะเจลเบรคเครื่อง ก็รออีกสักหน่อยก่อนการ อัพเดต iOS 4.1
สิ่งที่ควรตรวจสอบก่อนที่คุณจะ Sync iTunes ครั้งแรก

ตัว iPhone 4 ที่มีปัญหางานประกอบ
Outer Casing  : ตัวเครื่องภายนอก ลองดูตัวรอบตัวเครื่องว่ามีรอยหรือไม่ มีรอยแตก รอยแยก หรือส่วนไหนหลวมหรือเปล่า iPhone 4 ทำด้วยวัสดุที่แข็งแรงเพราะทำจากแก้วและโลหะ งานประกอบของไอโฟนมีคุณภาพสูง ดังนั้นต้องไม่มีส่วนไหนยวบยาบ ส่วนด้านหน้าและด้านหลังทำการแก้ว จะต้องเสมอเป็นระบายเดียวกันทั้ง 2 ด้าน และรอบตัวเครื่องจะเป็น สแตนเลสสตีล ซึ่งใช้เป็นเสาอากาศ

ลองส่องไฟดูจะเห็นรอยแตก ได้ง่ายกว่า
แม้โอกาสที่จะมี รอยแยก (gap) จะมีน้อย แต่ถ้าโชคร้ายจริงๆ ก็เกิดขึ้นได้ ซึ่งมองได้ยากซะด้วย วิธีการเช็คก็คือ ให้หัน iPhone 4 ด้านข้าง โดยมีใช้โคมไฟส่องจากด้านหลัง ถ้ามองไม่เห็น แสงใด ๆ รอดออกมา (ตามรูป) ก็แปลว่าตัวเครื่องภายนอกของ iPhone 4 คุณไม่มีปัญหาใด ๆ
ปุ่ม Home/ Sleep : ปุ่ม 2 ปุ่มนี้ เวลากดแล้วต้องไม่รู้สึกว่า หลวม หรือฝืดเกินไปเวลากด แต่ถ้าปุ่มมันขยับได้เล็กน้อย อันนี้เป็นเรื่องปรกติ แต่ถ้าปุ่ม Sleep บุ๋มลึกเกินกว่าปรกติ หรือปุ่ม Home ต้องใช้แรงกดมากกว่าปรกติ ถึงจะทำงาน อันนี้อาจจะเป็นปัญหาที่การผลิต
Vibrate switch/motor: มอเตอร์สั่น เลื่อนปุ่มปิดเสียงเรียกเข้า เพื่อให้เครื่องใช้มอเตอร์ทำให้เครื่องสั่น เช็คปุ่มว่ากดได้ปรกติดี และทุกครั้งที่เลื่อนปุ่มนี้มาที่ เก็บเสียง (silent) เครื่องจะต้องสั่นทุกครั้ง ซึ่งแสดงว่า ไอโฟน ได้เข้าโหมดเก็บเสียงแล้ว และมอเตอร์ทำหน้าที่สั่นเครื่องทำงานเรียบร้อยดี
สิ่งที่ควรตรวจสอบตอน Sync เครื่อง iPhone 4 ครั้งแรกกับ iTunes
Dock Connector : ช่องเสียบสายเข้ากับคอมพิวเตอร์ ถ้าไอโฟน ไม่สามารถ Sync กับ Windows หรือ Mac ได้, หรือ detect ไม่เจอตัวเครื่องไอโฟน, ไอโฟนไม่ชาร์ทไฟ แปลว่าเครื่องผิดปรกติ
Flash Memory : หน่วยความจำภายในเครื่อง โดยทั่วไปแล้ว ปัญหาที่เกิดกับ Flash memory ไม่ค่อยจะมี แต่ถ้าถึงคราวซวยจริงๆ มันก็อาจจะเกิดขึ้นได้ ถ้าคุณลอง Sync ไอโฟนกับ iTunes หลายสิบรอบแล้ว ทั้งลองแก้ปัญหาทั่วไปที่เกิดขึ้นกับ iTunes แล้วยังไม่หาย สาเหตุก็อาจจะมาจาก เมมโมรี่ในเครื่อง วิธีทดสอบง่ายที่สุด ก็คือลอง Sync ไฟล์ หนัง หรือเพลง เข้าไปให้เต็มความจุของไอโฟน 16 GB หรือ 32 GB แต่มันอาจจะใช้เวลานานเป็นชั่วโมง เอาไว้ว่างจริงๆ ค่อยลองทดสอบดูแล้วกัน
สิ่งที่ควรตรวจสอบหลังจาก Sync กับ iTunes ผ่านแล้ว
Volume buttons:  ปุ่มปรับเสียง ก็ลองเช็คด้วยกด กด +/- ดูว่าทำงานถูกต้องไหม เพราะเคยมีรายงานในระยะแรก ปุ่ม + / - ใส่สลับตำแหน่งกัน


iPhone 4
บางเครื่องมีปัญหา white balance (ภาพออกสีเหลือง) ในภาวะแสงน้อย YouTube
Camera : กล้อง ลองถ่ายรูปจากทั้งกล้องด้านหน้า และด้านหลัง ลองแตะเพื่อปรับโฟกัสภาพ (tap to focus) โดยลองแตะบริเวณที่สว่างที่สุด หรือที่มืดที่สุด จากภาพในกล้อง ซึ่งปรกติแล้วกล้องจะต้องปรับความสว่าง และโฟกัสภาพไปที่บริเวณที่แตะ รูปที่ถ่ายสีต้องไม่เพี้ยน
ลองถ่ายรูปกับกระดาษขาว ถ้าขึ้นภาพแนวนี้มา ก็แปลว่ากล้องมีปัญหา


LED Flash มีปัญหา ติด ๆ ดับ ๆ
แล้วอย่าลืมทดสอบเปิด Flash กล้อง โดยการแตะที่หน้าจอบริเวณด้านบนซ้าย ตอนเปิด camera app จนขึ้นว่า "on" แล้วลองถ่ายรูปดูว่า Flash ทำงานไหม เสร็จแล้วก็ลองถ่ายวีดีโอต่อ ตอนเล่นคลิปวีดีโอ อย่าลืมเช็คว่ามีเสียงในคลิปไหม ภาพวีดีโอลื่นไหล ไม่มีกระตุก หรือสีเพี้ยน

Accelerometer : วิธีลองง่ายสุด ก็คือลองเอียง iPhone 4 จากแนวตั้งไปแนวนอน หน้าจอจะต้องปรับภาพตามที่เราเอียงตัวเครื่อง และลองเข้า Message สำหรับส่ง SMS รอให้ขึ้น keyboard แล้วลองเขย่าเครื่องดู ถ้า Accelerometer ทำงาน จะต้องขึ้น "Undo typing or cancel" (อย่าลืมปิด Portrait orientation lock ก่อนทดสอบ)
ภาครับสัญญาณ (Antennae) :
3G : อันนี้คงต้องลองกับซิมที่มีให้ทดลอง 3G อย่างเช่น TrueMove 3G หรือ TOT และมีเพียงบางพื้นที่ที่มีให้ทดลองบริการ 3G วิธีการทดสอบที่ง่ายที่สุด ก็คือลองเปิดเว็บด้วย Safari หรือจะลองใช้ speedtest mobile ในการทดสอบความเร็วเน็ตก็ได้ และลองจับเครื่องแน่น ๆ โดยใช้อุ้มมือซ้าย แล้วดูว่าสัญญาณลดลงไปอย่างรวดเร็วไหม เช่นจาก สี่ขีด เหลือ ขีดเดียวหรือเปล่า ถ้าใช่ก็เจอปัญหา Death Grip ซะแล้ว ก็วิธีแก้ปัญหาก็คือ หากรอบมาใส่ไอโฟนครับ
EDGE/GPRS : ให้ไปที่ Settings > General > Network แล้วกด "off" ที่ Enable 3G รอสักพัก ไอโฟนจะเปลี่ยนไปใช้เครือข่าย 2G แล้วก็ลองเหมือน 3G ดูครับ ว่าทำงานไหม เน็ตวิ่งหรือเปล่า ยังไงถ้าทำแล้วเน็ตไม่วิ่งลอง กด เปิด/ปิด air plane mode สักครั้งสองครั้งดู ก่อน
GPS : ให้เปิด Maps app แล้วกดที่ ลูกศร ที่ด้านล่างซ้าย รอสักพัก จะเห็นลูกกลมสีฟ้าขึ้น พร้อมบอกตำแหน่งของเรา ซึ่งก็ควรจะแสดงตำแหน่งใกล้เคียงกับ ตำแหน่งที่เราอยู่จริง ด้วยการออกแบบใหม่ของ iPhone 4 ทำให้ GPS สามารถรับสัญญาณได้ดีขึ้น แม้จะอยู่ในตัวอาคารอีกด้วย
Bluetooth : ลองต่อ iPhone 4 ของคุณกับ หูฟัง Bluetooth ของคุณ หรือลองต่อกับชุด BlueTooth บนรถว่าสามารถทำงานได้ปรกติไหม เชื่อมต่อได้ตลอดหรือเปล่า แต่ถ้ามีปัญหา ก็ลอง upgrade เป็น iOS 4.1 ขึ้นไป
Wi-Fi : ลองเปิด WiFi ให้เป็น "On" ดูว่าเจอสัญญาณไร้สาย WiFi บ้างไหม (อยู่ในพื้นที่ที่มี WiFi HotSpot) ลอง connectดูว่า สามารถใช้งานได้หรือเปล่า แต่ส่วนใหญ่ไม่มีปัญหากับตรงจุดนี้ น่าจะเชื่อมต่อและใช้งานได้ดีขึ้นด้วย เพราะสนับสนุน 802.11n แล้ว


iPhone 4 ที่มีปัญหา touchscreen ไม่ทำงาน
Touchscreen : วิธีการทดลองก็ลองเปิด app อะไรก็ได้ที่ต้องใช้ keyboard แล้วลองพิมพ์ประโยค "The quick brown fox jumps over the lazy dog" โดยทำซ้ำ โดยเอียงเครื่องเพื่อเปลี่ยนเป็น landscape mode (คียบอร์ดแนวนอน) โดยทำอย่างนี้ให้ครบทั้ง 4 ด้าน ซึ่งก็จะเป็นการใช้พื้นที่ครอบคลุมเกือบทั้งหน้าจอ และการลอง multitouch ก็คือเปิด photo app เพื่อดูรูปที่ถ่ายไว้ แล้วลองเลื่อนนิ้วไปทางซ้าย หรือไปทางขวา ดูว่าภาพเลื่อนตามไหม และใช้สองนิ้ว ลากขยาย เพื่อซูมรูปดู
คราบสีเหลือง ที่พบในช่วงแรก ในการจำหน่าย iPhone ที่ USA เนื่องจากรีบเร่งในการผลิต
LCD : เช็ค dead pixel โดยการเข้าเว็บจาก Safari ไปที่ http://iphonedpt.awardspace.com/ หรือลองใช้โปรแกรมพวก Flash light ที่จะแสดงสีต่างๆ  กันไปทั้งหน้าจอ หรือจะเข้า YouTube app แล้วค้นหาคำว่า "dead pixel" ดูก็ได้  ส่วนใครจะเช็ค back light ก็ไปที่ Setting ->  Brightness แล้วลองเลื่อนตัวสไลด์จากซ้ายสุดไปขวาสุดดูว่า ความสว่าง back light เปลี่ยนแปลงไหม
Ambient Light Sensor : เซ็นเซอร์แสงสว่างในห้อง วิธีเช็คก็คือ ไปอยู่ในห้องมืด แล้วไปปรับที่ Setting -> Brightness ซึ่งค่าที่มากับเครื่อง Auto-Brightness จะถูก off อยู่ หน้าจอจะสว่าง แต่ถ้ากด on ความสว่างของหน้าจอจะหรี่ลง
Magnetometer : เข็มทิศ ให้ไปที่ Compass app แล้วลองหมุนรอบตัวดู ว่าเข็มทิศทำงานหรือไม่ ถ้า iPhone ขึ้นให้ วาดเครื่องเป็นรูปเลข 8 ตลอดเวลา แม้จะหมุนเครื่องเป็นเลข 8 แล้วไม่หาย ก็แปลว่าเข็มทิศในเครื่องมีปัญหา
Gyroscope : อันนี้เป็นลูกเล่นใหม่ ต้องลองโหลด free app Gyroscope มาลองใช้งานดู ถ้าค่า Pitch, roll, yaw ไม่เปลี่ยนแปลงเลย เมื่อขยับตัวเครื่องขึ้นลง ก็แปลว่าเซ็นเซอร์มีปัญหาแล้ว
สิ่งที่ต้องเช็คขณะใช้โทรศัพท์
ไมโครโฟน : ให้ลองทั้ง 2 แบบคือแบบใช้งานปรกติ กับเสียงออกลำโพง (speaker phone) ลองโทรออกดู คู่สนทนาต้องใช้เสียงเราชัดเจนดี โดยทั่วไปก็ไม่ค่อยมีปัญหาอยู่แล้ว แต่ก็ยังมีรายงานว่า มีปัญหาโทรไปแล้วอีกฝั่งไม่ได้ยินเสียง ซึ่งปัญหาอาจจะเกิดจาก Noise Cancellation ในเครื่องรวน

ลำโพง : ควรลองทั้ง ลำโฟงตรงตำแหน่งหูฟัง และลำโพงที่บริเวณด้านล่างเครื่อง ไม่ควรมีเสียงเพี้ยนเกิดขึ้น ปัญหาที่เคยเกิดขึ้นก็คือ มีเสียงเหมือน beatbox แทรกมาตอนโทรออก ลองดูจากคลิปด้านบน

iPhone 4 ที่เคยมีปัญหา proximity sensor หลังอัพเดต iOS 4.1 ปัญหาก็หมดไป โดยจะมีจุดสังเกตคือ sensor จะสว่างเป็นสีแดงขึ้นมา สังเกตได้ง่ายในที่มืด

Proximity Sensor :  หน้าจอต้องดับเองทุกครั้ง ที่เราแนบหูตอนโทรออก วิธีทดสอบคือ ให้ลองโทรเข้าหรือโทรออกก็ได้ แล้วเอามือป้องตรงส่วนบนใกล้กับบริเวณหูฟัง ดูว่าหน้าจอดับเองไหม ถ้ามีปัญหาหน้าจอ touchscreen ไม่ดับ ก็ควรลอง upgrade เป็น iOS 4.1 ดูก่อน ซึ่งได้มีการแก้ปัญหานี้ไปแล้ว ถ้า upgrade แล้วยังเป็นอยู่ แปลว่า proximity sensor มีปัญหา
Battery : แบตเตอร์รี่ ให้ลองทดสอบดูว่า แบตหมดเร็วกว่าปรกติทั่วไปหรือเปล่า ซึ่งจะลองทดสอบด้วยการเปิดหนังสักเรื่อง ไปเรื่อย ๆ จนแบตหมด ถ้าตามมาตราฐานแล้ว ทาง Apple บอกว่าแบตจะหมดภายใน 10 ชั่วโมง แต่ในความเป็นจริง จะหมดเร็วกว่านั้นก็จะอยู่ที่ประมาณ 7 ชั่วโมง โดยเปิดวีดีโอเล่นไว้ตลอด สำหรับเครื่องใหม่แกะกล่อง ชาร์ตไฟเต็ม 100 % แล้ว โดยปรับความสว่างหน้าจอตามค่าโรงงาน และไม่ได้เปิดเน็ต หรือทำอย่างอื่น ถ้าแบตหมดเร็วกว่า 7 ชั่วโมง แบตเตอร์รี่อาจจะมีปัญหาก็ได้
รวมๆ แล้วเป็นการทดสอบที่ใครๆ ที่อยากเช็คเครื่องโดยละเอียด ก็สามารถทำได้ ใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 15-20 นาที ไม่นับเวลา Sync ข้อมูลกับ iTunes ในการใช้ครั้งแรก

http://apptube.exteen.com/20100921/25-iphone-4-iphone-4-check-list